5 ซม. มีเมล็ดลักษณะแข็งสีน้ำตาลภายในผลเพียง 1 เมล็ด
พันธุ์บ๊วยที่นิยมปลูกในประเทศไทย
1. พันธุ์เชียงรายหรือแม่สาย เป็นพันธุ์พื้นเมือง มีผลขนาดเล็ก ปลูกได้ดีในพื้นที่ที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 500 เมตรขึ้นไป
2. พันธุ์ปิงติง เป็นพันธุ์จากไต้หวัน เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 700 เมตรขึ้นไป
3. พันธุ์เจียโถ เป็นพันธุ์จากประเทศไต้หวันเช่นกัน พื้นที่ปลูกที่เหมาะสมจะอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลขึ้นไปประมาณ 700 เมตร
4. พันธุ์บารมี1 หรือขุนวาง1 เป็นพันธุ์ของศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ปลูกได้ดีในพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 700 เมตรขึ้นไป ผลมีขนาดใหญ่
5. พันธุ์บารมี2 หรือขุนวาง2 พื้นที่ปลูกที่เหมาะสมต้องอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 700 เมตรขึ้นไป ให้ผลผลิตดก ขนาดผลใหญ่ เป็นพันธุ์ที่ได้มาจากศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่เช่นกัน
การขยายพันธุ์
สามารถทำได้ด้วยวิธีการเสียบกิ่ง หรือการปักชำ ไม่นิยมการเพาะด้วยเมล็ด เนื่องจากทำให้มีการกลายพันธุ์ได้
การปลูก
ใช้ระยะปลูกที่เหมาะสมระหว่าง 10 x 10 หรือ 12 x 12 เมตร ใช้ขนาดหลุมปลูกที่มีความกว้าง ยาว และลึกประมาณ 70 ซม. ถึง 1 เมตร ใช้ดินชั้นบนที่ขุดขึ้นมาผสมคลุกเคล้ากับหินฟอสเฟตหลุมละ 100-200 กรัม ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักหลุมละ 5-10 กก.
- วิธีจัดรากต้นบ๊วยน้ำจากกิ่งชำ - YouTube
- EP1. Bonsai ต้นบ๊วยน้ำ เริ่มทำโครงสร้าง คู่กับการจัดราก - YouTube
- วิธีการปลูกบ๊วย - ผลไม้เมืองหนาวหลากหลายชนิด
- ต้นบ๊วยน้ำ
- ชวนมาทำ "เหล้าบ๊วย" แบบญี่ปุ่น ง่ายๆ ด้วยตัวเอง - Spring Green Evolution
- บ๊วย สรรพคุณและประโยชน์ของบ๊วย 27 ข้อ !
- รวมสูตร ต้มบ๊วย 32 สูตร พร้อมวิธีทำ อร่อยง่ายๆที่บ้าน ทำตามได้จริง - Cookpad
วิธีจัดรากต้นบ๊วยน้ำจากกิ่งชำ - YouTube
EP1. Bonsai ต้นบ๊วยน้ำ เริ่มทำโครงสร้าง คู่กับการจัดราก - YouTube
วิธีการปลูกบ๊วย - ผลไม้เมืองหนาวหลากหลายชนิด
บ๊วย เป็น ต้นไม้ ที่เมื่อใครๆนึกถึงก็จะเปรียบเทียบกับความพ่ายแพ้ แต่จริงๆแล้วต้นบ๊วยผลิตผลที่มีสารอาหารและวิตามินต่างที่สำคัญ เช่น วิตามินซี วิตามินเอ เป็นต้น และยังเป็นผลไม้ที่มีความเป็นด่างใกล้เคียงกับเลือดมนุษย์ ทำให้ช่วยปรับสมดุลกับความเป็นกรด-ด่างในร่างกายได้ และยังเป็นต้นไม้ขึ้นชื่อเรื่องการยืนต้นในเมืองหนาว เพราะปลูกและดูแลรักษาได้ง่าย ทนต่อสภาพแห้งแล้งได้ดี ไม่ค่อยมีโรคและแมลงรบกวน ให้ผลผลิตสูงขึ้นตามอายุและขนาดของลำต้น ข้อมูลทั่วไป ชื่ออังกฤษ: Prunus mume Siebold & Zucc. ชื่อวิทยาศาสตร์: Acacia pennata (L. ) Willd.
ต้นบ๊วยน้ำ
EP1. Bonsai ต้นบ๊วยน้ำ เริ่มทำโครงสร้าง คู่กับการจัดราก - YouTube
ชวนมาทำ "เหล้าบ๊วย" แบบญี่ปุ่น ง่ายๆ ด้วยตัวเอง - Spring Green Evolution
ต้นซากุระและต้นบ๊วยต่างก็มีความโดดเด่นจากดอกสีชมพูที่แสนสวยของมัน ซึ่งดอกทั้งสองชนิดนี้ สามารถเห็นกันได้อย่างแพร่หลายในประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลี และประเทศจีน อย่างไรก็ตามดอกซากุระในประเทศญี่ปุ่นจะได้รับความนิยมมากกว่าดอกบ๊วย แต่ทั้งสองดอกนี้ก็มักจะถูกเข้าใจผิดอยู่บ่อยครั้ง เพราะมีหน้าตาที่เหมือนกันแทบแยกไม่ออกเลยทีเดียว โดยเฉพาะหากเราได้มองเห็นจากระยะไกล ดังนั้นเราจะมาช่วยคุณวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างต้นไม้ทั้งสองชนิด ซึ่งอันที่จริงแล้วมีข้อแตกต่างเยอะพอสมควรและแทบจะไม่มีความเหมือนกันเลย! 1. ชื่อ
ต้นไม้ทั้งสองชนิดนี้มาจากสกุลทางชีววิทยาเดียวกัน คือ Prunus แต่ความคล้ายคลึงกันก็หยุดอยู่แค่ตรงนี้! เพราะ "ต้นซากุระ" ("sakura (桜)") มาจากสกุลย่อยที่ชื่อว่า Cerasus และเป็นสายพันธุ์ Prunus serrulata ในขณะที่ต้นบ๊วยหรือที่รู้จักในชื่อญี่ปุ่นว่า "อุเมะ" ("ume (梅)") มาจากสายพันธุ์ Prunus mume จะเห็นได้ว่าชื่อทางวิทยาศาสตร์ก็บอกใบ้ไปในตัวแล้วว่าทั้งต้นซากุระและต้นบ๊วยนั้น ไม่ใช่ต้นไม้ชนิดเดียวกันอย่างแน่นอน! 2. ลักษณะดอก
ดอกบ๊วย
ดอกซากุระ
กลีบดอกของซากุระจะมีลักษณะแคบกว่าดอกบ๊วย
บริเวณปลายของแต่ละกลีบดอกจะมีลักษณะเป็นแฉก (ถึงแม้ว่าในบางครั้งจะดูไม่ค่อยออกก็ตาม)
สีของดอกจะมีสีขาวและสีชมพู
กลีบของดอกบ๊วยจะมีลักษณะกลมและมนกว่าดอกซากุระ
สีของดอกมีตั้งแต่สีขาวไปจนถึงสีแดงเข้มเฉดม่วง
3.
บ๊วย สรรพคุณและประโยชน์ของบ๊วย 27 ข้อ !
- Bass fender มือ สอง ชลบุรี
- ต้นบ๊วยน้ํา
- บ๊วย กับ 15 สรรพคุณ และวิธีดูแลให้สร้างผลผลิตระยะยาว
- ชวนมาทำ "เหล้าบ๊วย" แบบญี่ปุ่น ง่ายๆ ด้วยตัวเอง - Spring Green Evolution
- Tot fiber 2u ราคา
- เบน 285 กลม ราคา ตารางผ่อน
- Nc ชาย ๆ
- บอ จ 2.0
- ภายใน mazda 3 2012 relatif
- ความ หมาย ของ gms
รวมสูตร ต้มบ๊วย 32 สูตร พร้อมวิธีทำ อร่อยง่ายๆที่บ้าน ทำตามได้จริง - Cookpad
2 องศาเซลเซียสหรือต่ำกว่านั้น สามารถเจริญเติบโตได้ในดินทุกประเภท และขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเสียบกิ่งหรือด้วยวิธีการปักชำ [1], [2]
ใบบ๊วย ใบมีขนาดเล็ก มีสีเขียวอมเทา ขอบใบเป็นหยักคล้ายฟันเลื่อย [4]
ดอกบ๊วย ดอกมีกลิ่นหอม มีสีขาวหรือสีชมพู [4]
ผลบ๊วย หรือ ลูกบ๊วย ผลมีลักษณะกลมสีเขียว เมื่อแก่เต็มที่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ผลบ๊วยโดยทั่วไปแล้วจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.
ลักษณะกิ่ง, ลำต้น และตา
Cherry blossom branches
ก้านมีความยาวกว่า
ตามก้าน จะมีดอกหลายดอกต่อหนึ่งตา
ตามีลักษณะเป็นวงรี
ไม่มีก้านดอก ดอกแทบจะบานออกมาจากกิ่งไม้เลย
ตามก้านจะมีเพียงหนึ่งดอกต่อตา
ตามีลักษณะเป็นวงกลม
4. ลักษณะใบ
สีของใบเป็นสีเขียวหรือสีน้ำตาลแดง และจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง, แดง หรือแดงเข้มในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง
ใบเรียงสลับกัน
ก้านใบสั้น
ขอบใบมีรอยหยัก
จะสามารถเห็นใบหลังจากดอกบานแล้ว
สีของใบเป็นสีแดงอมม่วงหรืออมเขียวในบางครั้ง
ใบมีลักษณะเป็นวงรีและมีปลายใบที่แหลมและไม่ม้วน
จะสามารถเห็นใบขณะที่ดอกไม้กำลังบาน หรือหลังจากที่กลีบดอกเริ่มร่วงได้ไม่นาน
5. ลักษณะเปลือกไม้
มีสีอ่อน ประมาณสีน้ำตาลลูกเกาลัด/ค่อนข้างเทา
เปลือกเรียบ เห็นเส้นแนวนอนที่ชัดเจน
เปลือกส่วนใหญ่จะมีสีเข้ม/ เกือบดำ บางครั้งอาจจะมีสีเทาแซมเขียวเล็กน้อย
เปลือกขรุขระเล็กน้อย ไม่มีเส้นแนวนอนให้เห็น
6. ลักษณะลำต้น
ต้นซากุระ
ลำต้นของต้นซากุระ
มียอดลำต้นที่หนา
สามารถเจริญเติบโตจนมีความสูงถึง 26 ถึง 39 ฟุต (8 ถึง 12 เมตร)
มีดอกไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น แทบจะปกคลุมลำต้นและกิ่งก้านทั้งหมด
ลำต้นของต้นบ๊วย
มีความสูง 13 ถึง 33 ฟุต (4 ถึง 10 เมตร)
มีดอกขึ้นอย่างเบาบางและกระจัดกระจายเมื่อเทียบกับดอกซากุระ
7.
ใส่ลงไปในหลุมให้สูงกว่ากว่าระดับดินเดิมประมาณ 10-15 ซม. รดน้ำพอชุ่ม
การให้น้ำ
การปลูกในช่วงแรกควรให้น้ำประมาณสัปดาห์ละครั้ง โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้ง หรือหลังจากออกดอกให้ผลผลิตแล้วควรให้น้ำอย่างต่อเนื่องประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มขนาดของผล หากมีฝนตกชุกอาจทำให้ผลร่วงได้
การใส่ปุ๋ย
ใส่ปุ๋ยสูตร 46-0-0 ร่วมกับสูตร 15-15-15 ในช่วง 1-4 ปีแรกของการปลูก ในอัตราต้นละ 100 กรัม ให้แบ่งใส่เป็น 2-3 ครั้งในฤดูฝนช่วงที่มีการติดดอก ส่วนในปีต่อๆ ไปก็ให้ใส่เพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าทุกปี ในช่วงปีที่ 5-7 ซึ่งเป็นช่วงหลังจากการเก็บผลผลิตแล้วให้ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 และสูตร 12-24-12 ในอัตรา 1-3 กก. /ต้น ใส่เพิ่มขึ้นอีก 1 กก. ในปีต่อๆ ไป วิธีการใส่ให้ขุดร่องรอบๆ ทรงพุ่ม แล้วโรยปุ๋ยลงไป ใช้ดินกลบ รดน้ำพอชุ่ม
การตัดแต่งกิ่ง
หลังจากปลูกได้ประมาณ 3-6 เดือน ควรมีการตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง เพื่อให้แสงแดดส่องถึงภายในทรงพุ่ม และอากาศถ่ายเทได้สะดวก โดยเลือกตัดยอดกิ่งที่ทำมุมกับลำต้นประมาณ 45 องศา และสูงกว่าพื้นดินประมาณ 60-90 ซม.