คำนามทั่วไปเติม s ต่อท้ายได้เลย
คำนามที่ไม่เข้าข่ายหลักการข้ออื่น เราสามารถเติม s ต่อท้ายตรงๆได้เลย ตัวอย่างเช่น
เอกพจน์ พหูพจน์ ความหมาย Ant Ants มด Book Books หนังสือ Girl Girls เด็กผู้หญิง House Houses บ้าน Table Tables โต๊ะ, ตาราง Tree Trees ต้นไม้
2. คำนามที่ลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, x หรือ z ให้เติม es ต่อท้าย
คำนามที่ลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, x หรือ z เราจะต้องเติม es ต่อท้ายแทน s ตัวอย่างเช่น
เอกพจน์ พหูพจน์ ความหมาย Bus Buses รถโดยสารประจำทาง Lens Lenses เลนส์ Class Classes ชั้นเรียน, คาบเรียน Dress Dresses ชุดเดรส Brush Brushes แปรง Dish Dishes จาน Beach Beaches ชายหาด Watch Watches นาฬิกา Box Boxes กล่อง Fox Foxes สุนัขจิ้งจอก Blitz Blitzes การโจมตีแบบสายฟ้าแลบ Buzz Buzzes ความรู้สึกตื่นเต้น, เสียงหึ่ง เช่น เสียงผึ้ง
3. คำนามบางคำที่ลงท้ายด้วย s หรือ z ต้องซ้ำ s หรือ z แล้วค่อยเติม es
คำนามที่ลงท้ายด้วย s หรือ z ปกติแล้วจะเติม es ได้เลย แต่ก็มีบางคำที่เราจะต้องซ้ำ s หรือ z ก่อน แล้วค่อยเติม es ตัวอย่างเช่น
เอกพจน์ พหูพจน์ ความหมาย Gas Gasses แก๊ส Quiz Quizzes แบบทดสอบ Whiz Whizzes ผู้มากความสามารถในบางด้าน
4.
คำนาม - ห้องเรียนครูพัชนุช
ความหมายของคำนาม
คำนามหมายถึง คำที่ใช้เรียกชื่อ คน สัตว์ พืช สิ่งของ สถานที่ สภาพ อาการ ลักษณะ ทั้งที่เป็นสิ่งมีชีวิต หรือสิ่งไม่มีชีวิต ทั้งที่เป็นรูปธรรม และนามธรรม เช่นคำว่า คน ปลา ตะกร้า ไก่ ประเทศไทย จังหวัดพิจิตร การออกกำลังกาย การศึกษา ความดี ความงาม กอไผ่ กรรมกร ฝูง ตัว เป็นต้น
ชนิดของคำนาม
คำนามแบ่งออกเป็น ๕ ชนิด ดังนี้
๑ ๑. สามานยนาม หรือเรียกว่า คำนามทั่วไป คือ คำนามที่เป็นชื่อทั่วๆ ไป เป็นคำเรียกสิ่งต่างๆ โดยทั่วไปไม่ชี้เฉพาะเจาะจง เช่น ปลา ผีเสื้อ คน สุนัข วัด ต้นไม้ บ้าน หนังสือ ปากกา เป็นต้น
๒. วิสามานยนาม หรือเรียกว่า คำนามเฉพาะ คือ คำนามที่ใช้เรียกชื่อเฉาะของคน สัตว์ หรือสถานที่ เป็นคำเรียนเจาะจงลงไปว่า เป็นใครหรือเป็นอะไร เช่น พระพุทธชินราช เด็กชายวิทวัส จังหวัดพิจิตร วัดท่าหลวง ส้มโอท่าข่อย พระอภัยมณี วันจันทร์ เดือนมกราคม เป็นต้น
๓. สมุหนาม คือ คำนามที่ทำหน้าที่แสดงหมวดหมู่ของคำนามทั่วไป และคำนามเฉพาะ เช่น ฝูงผึ้ง กอไผ่ คณะนักทัศนาจร บริษัท พวกกรรมกร เป็นต้น
๔. ลักษณะนาม คือ เป็นคำนามที่บอกลักษณะของคำนาม เพื่อแสดงรูปลักษณะ ขนาด ปริมาณ ของคำนามนั้นนั้นให้ชัดเจน เช่น บ้าน ๑ หลัง โต๊ะ ๕ ตัว คำว่า หลัง และ ตัว เป็นลักษณะนาม
๕.
อาการนาม คือ คำนามที่เป็นชื่อกริยาอาการ เป็นสิ่งที่เป็นนามธรรม ไม่มีรูปร่าง มักมีคำว่า "การ" และ "ความ" นำหน้า เช่น การกิน การเดิน การพูด การอ่าน การเขียน ความรัก ความดี ความคิด ความฝัน เป็นต้น
หน้าที่ของคำนาม มีดังนี้คือ
๑. ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค เช่น
– ประกอบชอบอ่านหนังสือ – ตำรวจจับผู้ร้าย
๒. ทำหน้าที่เป็นกรรมหรือผู้ถูกกระทำ เช่น
– วารีอ่านจดหมาย – พ่อตีสุนัข
๓. ทำหน้าที่ขยายนาม เพื่อทำให้นามที่ถูกขยายชัดเจนขึ้น เช่น
– สมศรีเป็นข้าราชการครู – นายสมศักดิ์ทนายความฟ้องนายปัญญาพ่อค้า
๔. ทำหน้าที่เป็นส่วนสมบูรณ์หรือส่วนเติมเต็ม เช่น
– ศรรามเป็นทหาร – เขาเป็นตำรวจแต่น้องสาวเป็นพยาบาล
๕. ใช้ตามหลังคำบุพบทเพื่อทำหน้าที่บอกสถานที่ หรือขยายกริยาให้มีเนื้อความบอกสถานที่ชัดเจนขี้น เช่น
– คุณแม่ของเด็กหญิงสายฝนเป็นครู – นักเรียนไปโรงเรียน
๖. ใช้บอกเวลาโดยขยายคำกริยาหรือคำนามอื่น เช่น
– คุณพ่อจะไปเชียงใหม่วันเสาร์ – เขาชอบมาตอนกลางวัน
๗. ใช้เป็นคำเรียกขานได้ เช่น
– น้ำฝน ช่วยหยิบปากกาให้ครูทีซิ – ตำรวจ ช่วยฉันด้วย
คํานามทั้งหมด
นามศัพท์
นามศัพท์ ในบาลีไวยากรณ์นั้นแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ นามนาม คุณนาม และ สรรพนาม
1. นามนาม หมายถึง คำที่ใช้เรียกชื่อคน, สัตว์, สถานที่, สิ่งของ, สภาวะต่างๆ แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
• สาธารณนาม หมายถึง ชื่อที่ใช้เรียกได้ทั่วไป ไม่จำเพาะเจาะจง สำหรับเรียกคน, สัตว์, สถานที่, สภาวะต่างๆ เช่น มนุสฺโส มนุษย์ ใช้เรียกมนุษย์ได้โดยทั่วไป, ติรจฺฉาโน สัตว์ดิรัจฉาน, นครํ เมือง, สนฺติ ความสงบ เป็นต้น
• อสาธารณนาม หมายถึง ชื่อที่ใช้เรียกเฉพาะเจาะจง ไม่ทั่วไป เช่น ทีฆาวุ กุมารชื่อทีฆาวุ ใช้เรียกเฉพาะกุมารที่ชื่อว่า ทีฆาวุ, เอราวโณ ใช้เรียกชื่อช้างเอราวัณ, สาวตฺถี ชื่อเมืองสาวัตถี เป็นต้น
2.
- Tamron 14 150mm ราคา vs
- หลักสูตร ทักษะ การ สื่อสาร pdf
- คน ทะลุ โลก 3
- หมวดหมู่:คำนามภาษาไทย - วิกิพจนานุกรม
การันต์ หมายถึงสระที่อยู่ท้ายของคำนามแต่ละคำ เช่น ปุริส ลงท้ายด้วยสระ อะ เรียกว่า อ การันต์ กญฺญา ลงท้ายด้วยสระ อา เรียกว่า อา การันต์ เป็นต้น ภาษาบาลีมี 13 การันต์ แบ่งการันต์ตามลิงค์ทั้ง 3 ดังนี้
• ปุงลิงค์ มี 5 การันต์ คือ อ อิ อี อุ อู
• อิตถีลิงค์ มี 5 การันต์ คือ อา อิ อี อุ อู
• นปุงสกลิงค์ มี 3 การันต์ คือ อ อิ อุ
3. วจนะ หรือ พจน์ หมายถึง คำที่บ่งบอกหรือแสดงจำนวนของคำนาม ภาษาบาลีแบ่งออกเป็น 2 วจนะ คือ
• เอกวจนะ หมายถึง จำนวนเดียว หรือสิ่งเดียว
• พหุวจนะ หมายถึง จำนวนตั้งแต่ 2 ขึ้นไป
4. วิภัตตินาม ได้แก่ คำที่นำมาแจกหรือประกอบกับคำนามนาม คุณนาม และสรรพนาม เพื่อให้คำนั้นๆ มีรูปแตกต่างออกไป เมื่อนำไปใช้ในประโยคทำหน้าที่คล้ายกับคำบุรพบทในภาษาไทย แต่วิภัตตินามเมื่อนำไปประกอบแล้วจะติดกับคำนามนั้นๆ ไม่แยกออก เช่น ภาษาไทยว่า " ในหมู่บ้าน " ภาษาบาลีจะเขียนเป็น " คามสฺมึ " มาจาก คาม + สฺมึ คาม เป็นคำนาม สฺมึ เป็นวิภัตตินาม เป็นต้น วิภัตติในภาษาบาลีมีทั้งหมด 14 ตัว แบ่งเป็น 8 วิภัตติ ดังปรากฎในภาพข้างบนนั่นเอง รูปวิภัตติทั้ง 14 ตัวนี้ เมื่อนำไปประกอบกับคำนาม จะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นรูป มีคำแปลและมีหน้าที่แตกต่างกัน
5.